7 อันดับรถยนต์ที่วัยรุ่นฮิต
อันดับที่ 1 Toyota Supra
ประวัติ Toyota Supra
สุดยอด Super Car ที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น ยี่ห้อหนึ่งนั้นก็คือ Supra จาก Toyota นั่นเอง Supraจัดเป็นสุดยอดรถสปอร์ทขับเคลื่อนล้อหลัง ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก มีชื่อเสียงในด้านความแรงจาก บล็อกเครื่องยนต์ที่สร้างชื่อเสียงที่สุด คือ JZGTE ด้วยรูปร่างหน้าตาการออกแบบที่ไม่เป็นรองใครสมรรถนะการเกาะถนน และด้วยเครื่องยนต์เพียง3,000 ซีซี เสียภาษีต่ำกว่า เส้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อยกว่าแต่ให้พลังเทียบเท่ารถ Super Car ระดับ 300 กว่าแรงม้า แต่ก่อนจะมาเป็น Supra ให้พวกได้เห็นกันในปัจจุบัน จริงๆ Supra ได้สร้างตำนานความแรง มาอย่างยาวนาน มามองย้อนกลับไปในอดีตกันกว่าว่า Supra ผลิตกันขึ้นมาแล้วกี่รุ่น แต่ละรุ่นมีข้อพิเศษอย่างไรกันบ้าง
อันดับที่ 2 Nissan Skyline R34
ประวัติ Nissan Skyline R34
ชื่อ Skyline มาจากบริษัทรถยนต์ Prince ซึ่งโดยพื้นฐานเป็นรถ 4 ประตู (Sedan) ก่อนที่บริษัทจะถูกรวมเข้ากับ Nissan-Datsun คำว่า GT-R มาจาก Gran Turismo Racer ขณะที่ GT-C จะหมายถึง Gran Turismo Berlinetta ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ในสมัยนั้น (1960-1970) นิยมใช้ชื่อตามคำย่อ ประเภทการแข่งขันของอเมริกา รถรุ่นก่อนหน้า GT-R ตัวแรกที่ออกมา คือ S54 2000 GT-Bได้เข้ามาเป็นที่ 2 ในการแข่งครั้งแรกในปี 1964 เพื่อขับเขี่ยวกับ Porsche 904 GTS รถรุ่นต่อมาคือ GT-R ตัวแรกเป็นรถ 4ประตู PGC10 2000 GT-R สามารถคว้าชัยชนะมาได้ถึง 33 ติด ภาย ปีครึ่งที่มันลงแข่งขัน แล้วมีเป้าหมายที่จะชนะรวดติดต่อกันถึง 50 สนามซ้อน ก่อนที่จะถูก Mazda Savanna RX-3 (สุดยอดแห่งรถโรตารี่ 3สูบ )คว้าชัยชนะไป GT-R ถูกหยุดผลิตเมื่อปี 1972 หลังจากที่มันได้คว้าชัยชนะไปถึง 1000 สนามแล้ว โดย รุ่นสุดท้ายในช่วงนี้คือ KPGC110 2000GT-R ที่ใช้เครื่อง S20 ผลิตกำลังได้ 160 แรงม้า ซึ่งขายได้ประมาณ 197 คันก่อนถูกหยุดเนื่องจากปัญหาน้ำมันแพง ( เหมือนตอนนี้เลย ) ส่วน Skyline เป็นรถที่ถูกผลิตอย่างต่อเนื่องในช่วง 1980 ซึ่ง Nissan ยังคงไว้ซึ่งความเป็น รถขับเคลื่อนล้อหลัง โดยขณะที่ผู้ผลิตอื่นๆได้พยายามเปลี่ยนไปใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า หลังจาก 16 ปีที่ Nissan หยุดผลิตรถ GT-R ไป ใน ปี 1989 Nissan ได้นำ Concept ของรถทั้งสองรุ่นมารวมกันเป็นรุ่นที่ 8 ของ Skyline คือ Skyline GT-R R32 GT-R รุ่นใหม่นี้ได้กลายมาเป็นหัวหอกในการแสดงสมรรถนะของรถยนต์ตระกูล Nissan ที่บรรจุไปด้วยเทคโนโลยีชั้นนำไว้มากมายที่หาไม่ได้ตามรถปกติทั่วไป เริ่มตั้งแต่ ระบบการควบคุมการขับเคลื่อน 4 ล้อ ATTESA-ETS ระบบควบคุมการเลิ้ยว 4ล้อ Super-Hicas ซึ่งเมื่อเทียบกับรถ Sport ยุโรปที่อยู่ใน ระดับเดียวกัน ถือว่าค่อนข้างถูกมาก ราคา 4.5 ล้านเยน พอตีเป็นราคาไทยก็ม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ ประมาณ 4.5 ล้านบาทเช่นกัน (ภาษี 300 %) Skyline GT-R ได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วง 1990 จนมาสิ้นสุดที่ปี 2002 ตัว Skyline R34 ซึ่ง Nissan ได้ประกาศว่าจะพัฒนาแยกสายระหว่าง Skyline กับ GT-R อีกครั้ง ซึ่ง Nissan GT-R R35 เพิ่งออกสู่ตลาดรถเมื่อปลายปี 2007ที่ผ่านโดยมีสมรรถนะเทียบเคียงได้กลับ Supercar เลยทีเดียว
อันดับที่ 3 Nissan Skyline R32
ประวัติ Nissan Skyline R32
SKYLINE GT-R R32 เริ่มทำตลาดในปี ค.ศ. 1989 -1994 โดยตั้งแต่เปิดตัวออกมาก็ประสบความสำเร็จทั้งด้านยอดขาย และชัยชนะจากการแข่งขันในสนามมอเตอร์สปอร์ต ถือเป็นการชุบชีวิตให้รถตระกูล GT-R กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังจาก NISSAN ยุติการผลิตรถ ในไลน์ GT-R ไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1977 จุดเด่นของ SKYLINE GT-R R32 ก็คือเครื่องยนต์ที่ทรงพลังมากในยุคนั้น รวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ ที่ทำงานแปรผันตามการขับ และรูปทรงที่ถือว่าสวยอมตะ แม้จะผ่านเวลามากว่า 20 ปีแล้ว ก็ยังคงดูทันสมัย ด้วยรูปทรงที่ใหญ่โตดุดัน บวกกับพลังเครื่องยนต์ที่ร้อนแรงนั่นเอง ทำให้มันได้ชื่อเล่น จากบรรดานักซิ่งแดนปลาดิบว่า GODZILLA จนกลายเป็นชื่อเรียก ที่แพร่หลายในปัจจุบัน
ส่วนรถที่เรานำมาเสนอให้กับเพื่อนผู้อ่านกันในครั้งนี้ เป็นรถของ คุณเอ๋ ที่เป็น COLLECTOR ท่านนึง ที่ชอบสะสมรถสปอร์ตญี่ปุ่นมาก รถสปอร์ตที่ผ่านมือคุณเอ๋นั้น เกินกว่า 10 คันแล้วอย่างแน่นอน โดยเฉพาะ SKYLINE GT-R ที่คุณเอ๋ ชื่นชอบเป็นพิเศษ และได้ครอบครองมาแล้วทุกรุ่น แต่ SKYLINE GT-R R32 กลับเป็นคันที่ประทับใจและเป็น 1 ในคันที่คุณเอ๋ตั้งใจจะเก็บสะสมไว้ มันต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน
อันดับที่ 4 Nissan Skyline R33
ประวัติ Nissan Skyline R33
อันดับที่ 5 Nissan Cefiro A31
ประวัติ Nissan Cefiro A31
Nissan Cefiro A31 เริ่มออกขายในญี่ปุ่นช่วงปี 1988-1994 แต่ในประเทศไทย Nissan Cefiro A31 เริ่มขายระหว่างปี 1990-1996 โดยช้ากว่าที่ประเทศญี่ปุ่น มีจุดเด่นตรงที่การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ (ในสมัยนั้น) มาลงในรถ เช่น ระบบการเปิดไฟหน้า และควบคุมแสงหน้าปัดอัตโนมัติ โดยมีตัวรับแสงคอยจับปริมาณแสง และส่งข้อมูลไปที่ระบบอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อมืดลง ไฟจะสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ และระบบโช้คอัพไฟฟ้าที่มีตัวจับสภาพพื้นผิวถนนที่สามารถปรับแข็งอ่อนได้ตามความต้องการเป็นต้น
นอกจากนี้ Nissan Cefiro A31 ยังเป็นรถญี่ปุ่นรุ่นแรกที่มีการใช้เกียร์ระบบอัตโนมัติ 5 สปีด (ในปัจจุบัน รถญี่ปุ่นบางรุ่น ยังใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีดอยู่ ไม่ใช่ 5 สปีด) และนอกจากนี้ยังได้ออกแบบผสมผสานความเป็นรถสปอร์ตเข้าไปด้วย ห้องโดยสารจึงมีขนาดเล็ก
อันดับที่ 6 Porsche 911
ประวัติ Porsche 911
"พอร์ช 911" เป็นรุ่นสปอร์ต จีที คูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ขับเคลื่อน 4 ล้อ 6 สูบผลิตโดย ปอร์เช่ ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในรุ่นที่เก่าที่สุดของยี่ห้อนี้เนื่องจาก ผลิตมาตั้งแต่ ปี 1963-ปัจจุบัน ซึ่งเป็นต้นแบบ ของรุ่นอื่นๆอีกหลายรุ่นของ พอร์ช เช่น "ปอร์เช่ บ๊อกซ์เตอร์ " , "ปอร์เช่ เคย์แมน" และรวมถึง "ปอร์เช่ คาร์เรร่า จีที" จุดเด่นของรุ่นนี้ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์กว่ายี่ห้ออื่นๆ นั่นคือ ตั้งแต่โฉมแรกจนถึงปัจจุบัน จะมีตากลมคู่ ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญของยี่ห้อนี้ไปในตัว จึงทำให้ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา พอร์ช เน้นออกแบบโดยยึดเอกลักษณ์นี้เป็นหลัก
ปอร์เช่ 911 ยังคงได้รับการจัดอันดับเป็นคูเป้-โรสเตอร์ แถวหน้าของโลก แม้แต่ ยี่ห้อ รูฟ (Ruf) ก็นำตัวถังจากรุ่นนี้ มาเสริมแต่งเครื่องอีกที เช่น [1]Ruf RGT , Ruf 997 R Kompressor , Ruf 997 RTurbo , Ruf Rt 12
ในปี 1999 โพลต์สำหรับรางวัล "รถแห่งศตวรรษ(Car of the Century) " ได้โหวต ปอร์เช่ 911 เป็นรถแห่งศตวรรษ อันดับ 5 [2]นอกจากนี้ ในปี 2004 นิตยสาร Sports Car International ให้ ปอร์เช่ 911 อยู่อันดับ 3 รถสปอร์ตที่ดีที่สุดในปี 1960 และ นิตยสาร Automobile Magazine โหวตให้อยู่อันดับ 2 จาก 100 คัน ในประเภท "รถที่เด็ดที่สุด"
อันดับที่ 7 Lotus
ประวัติ Lotus
กิจการของโลทัสก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ควบคู่กับความสำเร็จในสนามแข่งรถ จนกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ใครก็ตามที่รู้จักกีฬาแข่งรถ ย่อมรู้จักชื่อโลทัสและโคลิน แชพแมน ความสำเร็จของรถโลทัสในสนามแข่งรถทั้งระดับชาติและระดับโลก ยากที่จะหาใครเทียมทันเฉพาะการแข่งรถฟอร์มูลา 1 ชิงแชมป์โลกอันกระเดื่องเกียรติรถโลทัสคว้าตำแหน่งชนะเสิศมาแล้วรวม 79 ครั้ง กับสามารถคว้าตำแหน่งแชมป์โลกผู้สร้างรถถึง 7 ครั้ง และตำแหน่งแชมป็โลกนักขับอีก 6 ครั้ง โคลิน แชพแมนถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจเมื่อเดือนธันวาคม 1982 ในขณะที่โลทัสกำลังประสบปัญหาด้านการเงินมรณกรรมของเขาส่งผลเป็นอย่างมากต่อฐานะของบริษัท และเพียง 3 ปี หลังจากนั้นกิจการผลิตรถยนต์ของโลทัสก็ถูกเทคโอเวอร์โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ-อเมริกา คือ เจเนอรัล มอเตอร์ส คอร์พอเรชัน แต่กิจการของทีมแข่งรถยังคงเป็นสมบัติของครอบครัวแชพแมนตราบจนปัจจุบัน รถโลทัสในตลาดรถยนต์ปัจจุบัน มีอยู่เพียง 3 อนุกรม คือ โลทัส อีแลน (LOTUS ELAN) โล-ทัสเอกเซล (LOTUS EXCEL) และโลทัสเอสปรัต์ (LOTUS ESPRIT)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น