วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วัยรุ่นไทยเข้าใจเข้าใจเพศศึกษา


วัยรุ่นไทยเข้าใจเข้าใจเพศศึกษา
เพศศึกษา หมายถึง
  1. การศึกษาที่เกี่ยวกับกระบวนการและปัญหาของการสืบพันธุ์
  2. การศึกษาที่มุ่งจัดให้บุคคลเข้าใจเรื่องเพศ การควบคุมพฤติกรรมทางเพศ และแรงขับทางเพศ
  3. การศึกษาเกี่ยวกับหลักการ และปัญหาของบุคคลและกลุ่มซึ่งมาจากความจริงทางด้านชีวภาพว่ามนุษย์มี 2 จำพวก คือ ผู้ชายและผู้หญิง

เพศศึกษา หมายถึง การศึกษาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสองเพศ เป็นการศึกษาที่จะเข้าใจถึงความแตกต่างกันทั้งทางร่างกายและจิตใจของแต่ละเพศ ซึ่งจะทำให้บุคคลคบหาสมาคมกันได้อย่างดีทั้งในระหว่างเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม รู้จักตนเองและเพื่อนมนุษย์ มีมรรยาทหรือพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสมและสังคมยอมรับ รู้จักเลือกคู่ครองอย่างฉลาด และรู้จักใช้ชีวิตสมรสได้อย่างมีสุข
(นายแพทย์เสนอ อินทรสุขศรี)
 

เพศศึกษา หมายถึง การศึกษาเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ทัศนคติ และความรู้สึกที่ดีในเรื่องธรรมชาติของเพศและพฤติกรรมระหว่างเพศ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพ สวัสดิภาพ และมนุษย์สัมพันธ์อันดีงามระหว่างกันทั้งในด้านส่วนตัวและส่วนรวม จึงนับได้ว่าเพศศึกษานั้นเป็นการศึกษาส่วนหนึ่งซึ่งจะช่วยให้ชีวิตของคนเรามีความสุข
(สุชาติ โสมประยูร)
 

เพศศึกษา หมายถึง การศึกษาเรื่องเพศเพื่อความเป็นอยู่อันดีของชีวิต ให้แต่ละเพศแต่ละวัย มีความรู้ความเข้าใจ มีทัศนคติที่ดีในเรื่องเพศและพฤติกรรมระหว่างเพศ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพ สวัสดิภาพ มนุษย์สัมพันธ์ และการปฏิบัติตนที่ดีทั้งในด้านส่วนตัวและสังคม
(พิเชษฐ์ ศรีวรกุล)
 

เพศศึกษา หมายถึง มาตรการทางการศึกษาทั้งหลายที่ช่วยเหลือเตรียมเยาวชนให้พร้อมกับการที่จะต้องเผชิญปัญหาชีวิต โดยมีแกนกลางมาจากสัญชาตญาณทางเพศ (Sex instinct) และสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งเป็นปกติวิสัยที่มนุษย์ทุกรูปทุกนามจะต้องประสบตลอดช่วงชีวิตของเขา

ปัญหาความเข้าใจผิดในเรื่องเพศศึกษา
  1. ปัญหาอาชญากรรมทางเพศ เช่น คดีข่มขืน กระทำชำเรา การฉุดคร่าอนาจาร และคดีอันเนื่องมาจากความผิดปกติทางเพศอื่นๆ
  2. ปัญหาโสเภณี การค้าประเวณี การปล่อยตัว ปล่อยใจให้เป็นสาธารณะหรือการสำส่อนในทางเพศ
  3. ปัญหากามโรคและโรคอื่นๆที่เกี่ยวกับเพสสัมพันธ์ รวมทั้งความผิดปกติทางเพศต่างๆ
  4. ปัญหาการได้เสียกันก่อนแต่งงาน การหนีตามกัน การท้องก่อนแต่งงาน การทำแท้งหรือการรีดลูก และปัญหาลูกไม่มีพ่อ
  5. ปัญหาการขัดแย้งกันภายในครอบครัว การหึงหวง การแยกกันอยู่ บ้านแตกสาแหรกขาด(Broken home) การมีชู้ การมีภรรยาน้อย และปัญหาการหย่าร้าง
  6. ปัญหาทางด้านการเรียน การศึกษา และการทำงาน รวมไปถึงการวางรากฐานสำหรับชีวิตครอบครัวในอนาคต ตามขนบธรรมเนียมและประเพณีอันดีงามของชาติ
  7. ปัญหาในการที่จะมีคุณภาพของมนุษย์สมบูรณ์ในทุกๆด้าน อันจะช่วยให้มนุษย์มีความสุขอย่างแท้จริง และมีชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบเรียบร้อย
สาเหตุของปัญหาความเข้าใจผิดเรื่องเพศศึกษา
  1. ไม่มีความรู้พอเพียงในเรื่องกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและสรีระของเพศทั้งสองเพศอันมีผลต่อความคิด สติปัญญา อารมณ์ และจิตใจ
  2. มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนา การปรับตัว และการวางตัวให้เหมาะสมทุกทางในด้านเพศ
  3. มีทัศนคติที่ผิดเกี่ยวกับเรื่องเพศ ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวกับตนเองและผู้อื่น
  4. ไม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของการใช้มนุษย์สัมพันธ์ที่ถูกต้อเพื่อการดำรงชีวิตที่ราบรื่นของแต่ละบุคคล ครอบครัวและสังคม
  5. ไม่มีความเข้าใจในตนเองอย่างถ่องแท้ในเรื่องความสัมพันธ์กับมนุษย์ทั้งสองเพศ รวมถึงพันธะ และความรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
  6. มีการตัดสินใจที่ไม่ชอบด้วยเหตุผล เพราะไม่มีหลักทางด้านศีลธรรมมาใช้ร่วมในการตัดสินใจ
  7. ความเข้าใจที่ไม่เพียงพอเกี่ยวกับการใช้เพศในทางที่ถูกต้อง ตลอดจนไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับความผิดปกติทางเพศ เป็นสาเหตุให้เกิดการถูกหลอกถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกข่มเหง หรือได้รับอันตรายต่อร่างกาย จิตใจ และชื่อเสียง
  8. ไม่ตระหนักว่าการกระทำทางเพศส่วนตัวมีผลกระทบต่อสังคม เช่น การทิ้งบุตรไว้ตามยถากรรม การหลอกลวงผู้หญิงไปค้าประเวณี เป็นต้น
  9. ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม จึงเกิดสิ่งเลวร้ายต่างๆขึ้น เช่น การเอาเปรียบทางด้านเพศ การหาประโยชน์จากผู้อื่นในเรื่องเพศ การใช้เพศและกามารมณ์อย่างไม่รับผิดชอบและไม่ยุติธรรม
  10. ขาดความเข้าใจและฝึกหัดการคิดนึกในการใช้ความเป็นเพศชายหรือหญิงของตนมาพัฒนาตนเองและครอบครัว

ในอดีตความรู้เรื่องเพศศึกษาของคนไทยนั้น เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ไปตามธรรมชาติและสภาวะของบุคคลเรื่องนี้แทบจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม เนื่องจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี สื่อ หรือ ความรู้ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ทำให้ความอยากรู้อยากเห็น ความต้องการ จะมีอยู่อย่างจำกัดตามจิตสำนึกของบุคคล การควบคุมทางอารมณ์และจิตใจก็สามารถทำได้โดยมีประสิทธิภาพ ทำให้ยากที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นตัวสร้างปัญหาของสังคมในอดีต มองในทางกลับกัน สำหรับปัจจุบัน เรื่องเกี่ยวกับเพศศึกษาได้มีความแพร่หลายไปเป็นอย่างมาก ทางกระทรวงศึกษาธิการยังได้บรรจุเรื่องเพศศึกษานี้ไปเป็นหลักสูตรหนึ่งให้นักเรียนได้เรียนรู้ และสื่อทางหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือวิทยุก็มีการนำเรื่องนี้มาเผยแพร่แก่บุคคลเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องนี้ แต่ผลของความเข้าใจนั้นกลับตรงกันข้ามสำหรับคนส่วนหนึ่งของสังคมไทย โดยเฉพาะวัยรุ่น ซึ่งสาเหตุนั้นอาจจะมาจากความอยากรู้อยากเห็น การที่ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจ วุฒิภาวะทางอารมณ์และจิตใจ รวมทั้งสิ่งที่อาจจะเป็นสาเหตุหลักคือ พวกสื่อลามก อนาจาร ทั้งทางวิดีโอ เทป ซีดี หรือแม้กระทั่งทางอินเตอร์เน็ต ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้วัยรุ่นเกิดการกระทำที่ผิดพลาดในเรื่องทางเพศนี้ เกิดความคึกคะนองในการตัดสินใจทำแทนที่จะปรึกษาพ่อแม่ ผู้ปกครอง ไม่คิดถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง ซึ่งอาจคิดได้ว่าสื่อนั้นเป็นดาบสองคม เพราะความคิดของคนไม่สามารถบังคับการได้ ความเข้าใจที่ถูกต้องอาจนำไปสู่การกระทำที่ผิดได้ อาจเห็นได้จากปัญหาต่างๆ ที่พาดหัวข่าวอยู่เป็นประจำ เช่น การสำรวจว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่มักมีการได้เสียกันในวัยเรียน โดยไม่มีการป้องกันต่างๆ ซึ่งพบในวัย 14-16 ปี หรือข่าวการที่มีนักเรียน นักศึกษาไปทำแท้งกับหมอเถื่อน และที่สำคัญข่าวเกี่ยวกับโรคเอดส์ที่ปัจจุบันได้มีคนเป็นโรคนี้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จะเห็นได้ว่าเรื่องเพศศึกษานี้ควรจะต้องเร่งให้การศึกษา ให้ความเข้าใจที่ถูกต้องอย่างแท้จริง เพราะมันได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ไปแล้ว การเข้าไปชี้แจงและอธิบายควรที่จะให้แก่บุคคลในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนั่นก็คือวัยรุ่นนั่นเอง เพื่อให้ความคิด การตัดสินใจ การควบคุมทางจิตใจและอารมณ์ของพวกเขาดียิ่งขึ้น การพัฒนาการวุฒิภาวะทางอารมณ์เป็นลำดับขั้น ไม่หมกมุ่นกับเรื่องทางเพศจนเกินไป การศึกษาและกีฬาจะเป็นตัวที่ป้องกัน ดังนั้นการทำโครงงานที่เกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษานี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับวัยรุ่นเพื่อให้พวกเขาเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตและเป็นกำลังสำคัญของประเทศได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น